Day: March 23, 2022

ในอดีตเราคงรู้จักแต่ไปรษณีย์ไทยเท่านั้นที่ดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจและธุรกรรมการส่งพัสดุ ทั่วไทยโดยจะมีเจ้าหน้าที่ขององค์กรนั้น ๆ เข้ามาดำเนินการรับพัสดุจากผู้ใช้บริการ หลังจากนั้นจะมีการรวบรวมพัสดุต่าง ๆ และคัดแยกอย่างละเอียดว่าแต่ละกล่องจะต้องไปตามจังหวัดไหน ซึ่งจะมีการคิดอัตราค่าบริการและระยะเวลาในการส่งแตกต่างกันไปตามแต่ขนาดและพื้นที่ที่ต้องการจะทำการส่งพัสดุ นั้น ๆ ไป แต่ปัจจุบันได้มีอีกหลายองค์กรเข้ามาทำการส่งเสริมงานรับส่งพัสดุ จึงทำให้เกิดการแข่งขันเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านนี้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชนหรือบุคคลธรรมดาก็ตาม  ซึ่งแต่ละองค์กรที่เปิดรับพัสดุนั้นจะมีการกำหนดเงื่อนไขและระเบียบวิธีตลอดจนการเก็บค่าบริการที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางที่อาจจะคิดจากน้ำหนักของกล่อง แต่บางองค์กรอาจจะคิดราคาจากระยะทางที่จะต้องไปส่ง  ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องคำนวณและเปรียบเทียบราคาต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำการเข้าใช้บริการกับองค์กรนั้น ๆ ข้อควรรู้ก่อนทำการส่งพัสดุ สำหรับคนที่คลุกคลีเกี่ยวกับการรับ – ส่งพัสดุ อยู่ประจำอาจจะมีองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการขนส่งอยู่พอสมควร  ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยหน่วยงานหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นศูนย์การบรรจุหีบห่อ การคิดอัตราค่าบริการและเจ้าหน้าที่ที่ทำการขนส่งสิ่งของเหล่านั้น

แผ่นอะคริลิค บางคนอาจเรียกว่าพลาสติกอะคริลิคหรือกระจกอะคริลิค แต่ไม่ว่าจะเรียกแตกต่างกันอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็คือพลาสติกชนิดเดียวกัน แผ่นอะคริลิครูปร่างคล้ายกระจกแต่มีความแข็งแรงทนต่อแรงกระแทกได้ดีกว่า แผ่นอะคริลิคเป็นเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่งโดยมีชื่อทางการค้าหลายชื่อ เช่น Lucite, Plexiglas, Perspex เป็นต้น วันนี้เราจะพามาดูการผลิตแผ่นอะคริลิค ทำได้กี่แบบและมีขั้นตอนการผลิตอย่างไร การผลิตแผ่นอะคริลิคสามารถทำได้ 2 แบบ 1.การผลิตเป็นชุด ขั้นตอนการผลิตแผ่นอะคริลิคจะใช้แม่พิมพ์เป็นแผ่นแก้วหรือแผ่นโลหะผิวเรียบจำนวน 2 แผ่นประกบเข้าด้วยกันขอบนอกแม่พิมพ์ลักษณะเป็นกรอบหนาที่ยืดหดได้ เนื่องจากในระหว่างการเกิดพอลิเมอร์ เมื่อโมโนเมอร์หรือโมเลกุลเล็กหลายตัวเชื่อมกันเข้าเป็นแผ่นโมเลกุลใหญ่จะทำให้ปริมาตรของสารลดลงดังนั้นกรอบแม่พิมพ์จึงจะหดตัวตามปริมาตรพลาสติกที่เปลี่ยนแปลงไป โมโนเมอร์ของเมทิลเมทาไครเลตกับตัวเร่งปฏิกิริยาจะถูกปล่อยเข้าไปในแม่พิมพ์และอาจมีการเติม Prepolymer ของเมทิลเมทาไครเลตเข้าไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเร่งกระบวนการผลิตให้รวดเร็วมากขึ้น เมื่อวัตถุดิบเข้าไปเต็มแม่พิมพ์แล้วก็จะทำการปิดแม่พิมพ์ให้สนิท จากนั้นอาจมีการให้ความร้อนแก่แม่พิมพ์เพื่อไปกระตุ้นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เริ่มทำงาน ในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยาจะมีการคายความร้อนออกมาจึงต้องระบายความร้อนด้วยการเป่าลม เช่น